เกมรถ
หากพูดถึงเกมรถหยอดเหรียญสมัยก่อนที่แหวกแนวไม่ซ้ำใครก็คงไม่พูดถึงเกมในตระกูลซีรี่ส์ Burnout Paradise ไม่ได้ เพราะ เกมรถ เกมนี้ไม่เน้นทักษะในการขับรถให้ได้ดีแต่เน้นทักษะการชนรถคันอื่นให้ได้ภาพสวย ๆ (และมันก็เป็นความรู้สึกที่ดีเสียเหลือเกินเมื่อได้กระแทกรถคนอื่นแบบจัง ๆ) เรียกว่าว่าขับรถแบบเสียสติเอาให้ยางรถไหม้กันเลย อยู่ในเกมรถอื่นคุณอาจจะเป็นคนขับรถกาก ๆ คนหนึ่ง แต่ในเกมรถนี้ความพินาศของคุณจะทำให้คุณเป็นราชาได้อย่างแน่นอน

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเกมรถนี้คือฉากบรรยากาศที่อยู่ในตัวเมืองที่ไร้ผู้คน แต่เรากลับรู้สึกว่าเมืองแห่งนี้ช่างมีชีวิตชีวาเสียเหลือเกิน พร้อมกับฉากที่เราสามารถขับผ่านโลดโผน ตลอดจนขับทะลุปาเขาชมวิวพระอาทิตย์ตกก็มีให้เห็นใน เกมรถ นี้ เรียกได้ว่าได้ความสะใจจากการขับรถแล้ว และยังได้รับชมสุนทรียภาพจากการชมวิวอีกด้วย
สารบัญ
-
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเกมรถ
-
เกมเพลย์เกมรถ
-
ทีมผู้พัฒนาเกมรถ

ข้อมูลทั่วไปของเกมรถ
ทีมผู้พัฒนา : คริติเลี่ยน เกมส์ (Criterion Games)
ผู้จัดจำหน่าย : อิเล็กทรอนิกส์ อาร์ท (Electronic Arts)
เกมไดเรคเตอร์ : อเล็กซ์ หวาด (Alex Ward)
ทีมโปรดิวเซอร์ : ปีเตอร์ เล็ก (Peter Lake), แซน เชฟเพิร์ด (San Shepherd), แม็ต เว็บเตอร์ (Matt Webster), แฮมมิส ยัง (Hamish Young)
เกมดีไซเนอร์ : เครก ซัลลิแวน (Craig Sullivan)
โปรแกรมเมอร์ : ออยลี่ รี้ด (Olly Read), พอล รอส (Paul Ross)
ศิลปิน : สตีฟ อัพฮิลล์ (Steve Uphill)
ซีสรี่ส์ : เบิร์นเอ้าท์ (Burnout)
อุปกรณ์ที่รองรับเกมรถ
เวอร์ชั่นดั่งเดิม (Original version)
- Playstation 3
- Xbox 360
- Microsoft Windows
เวอร์ชั่นมาสเตอร์ (Remastered version)
- Play Station 4
- Xbox One
- Microsoft Windows
- Nintendo Switch
ประเภทเกม : เกมแข่งรถ (Racing)
โหมด : เล่นคนเดียว (Single Player), เล่นหลายคน (Multiplayer)

เบิร์นเอ้าท์พาราไดซ์ (Burnout Paradise) ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2008 เป็นเกมรถประเภท วิดิโอแข่งรถเปิดโลก (Open World Racing Video Game) ถูกพัฒนาโดยทีมคริติเลี่ยน เกมส์ (Criterion Games) และจัดจำหน่ายโดยบริษัท อิเล็กทรอนิกส์ อาร์ท (Electronic Arts) ซึ่งในตอนแรกเริ่มนั้นสามารถเล่นได้บนอุปกรณ์ประเภท Playstation 3, Xbox 360 และ Microsoft Windows นอกจากนี้ยังสามารถหาโหลดได้บน PlayStation Store และผ่านทาง Game on Demand ของ Xbox Live Marketplace. เกมรถในตระกูลซีรี่ส์เบิร์นเอ้าท์ (Burnout) นั้น เป็นซีรี่ส์แรกที่สามารถเล่นบน Microsoft Windows ได้อีกด้วย
เกมรถ พาราไดซ์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของงานเขียน “พาราไดซ์ ซิตี้” ซึ่งดำเนินเกมไปในโลกเปิดที่คุณสามารถเข้าร่วมในทุกการแข่งขัน วิ่งชนกับเพื่อนร่วมเล่นคนอื่น ๆ ให้สนุกหนำใจได้เลย ซึ่งในเกมนี้ยังมีโหมด “โจรและตำรวจ” ให้ได้สวมบทบาทสนุก ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้เกมยังมีอีกโหมดหนึ่งให้ได้เพลิดเพลินกันคือระบบเวลากลางวันและกลางคืนที่เราสามารถปรับได้เองหรือจะให้ระบบตั้งอัตโนมัติก็ได้

หลังจากปล่อยตัวออกไป เกมรถ นี้ได้ผลตอบรับที่ดีมาก ๆ โดยเว็บไซต์ GameRankings รายงานผลคะแนนเฉลี่ยความพึ่งพอใจของผู้เล่นกลุ่มแรก (Metacritic) อยู่ที่ 88% และชนะรางวัลเกมรถต่าง ๆ อีกมากมายในปี ค.ศ. 2008 ไม่ว่าจะเป็นจากรายการ Spike TV, GameTrailers และ GameSpot ซึ่งรางวัลทั้งหมดที่ได้มาล้วนเป็น เกมรถที่ดีที่สุด (Best Driving Game)
ความรู้สึกของผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนไปในทางเดียวกันว่าเกมรถนี้มีการออกแบบที่ดีในแง่ความรู้สึกของความเร็ว ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเหล่าผู้เล่นเกมขับรถ และการตัดสินใจอีกหนึ่งอย่างที่เรียกได้ว่ากล้าหาญและชาญฉลาดมาก นั่นคือการทำให้เป็น เกมรถ แบบโลกเปิด โดยปกติแล้วเกมรถในยุคนั้นจะเป็นเกมที่เล่นในสถานที่จำกัด และเล่นเป็นรอบ ๆ แล้วก็จบไป ทั้งนี้ทั้งนั้นเกมรถอื่นมุ่งเน้นขับรถให้ถึงเส้นชัย แต่สำหรับเบิร์นเอ้าท์นั้นกลับแตกต่างออกไป คุณสามารถเขวี้ยงตำราขับรถเหล่านั้นทิ้งไปได้เลย เพราะหัวใจหลักของเกมรถนี้คือการ ชน ชน และชนเท่านั้น ผู้เล่นบางกลุ่มถึงกับขนานนามเกมนี้ว่าเป็น “เกมรถที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา”

เกมเพลย์
เบิร์นเอ้าท์ พาราไดซ์ (Burnout Paradise) เป็นเกมรถแบบโลกเปิด ผู้เล่นมีโอกาสที่จพัฒนาทักษะและระดับของตนเองได้ตามทักษะที่ตนเองมี (หมายความไม่ต้องเติมเงินก็ก็เทพได้) เกมไดเรคเตอร์ “อเล็กซ์ หวาด (Alex Ward)” จากทีมผู้พัฒนาคริติเลี่ยน เกมส์ (Critirion Games) บอกว่าเกมนี้แตกต่างจากเกมรถอื่น ๆ ตรงที่เกมนี้เรียกได้ว่า เป็นการปฎิวัติเกมรถอย่างสมบูรณ์ในตระเบิร์นเอ้าท์ซีรี่ส์
แรกเริ่มระบบเวลากลางวัน กลางคืนนี้ไม่ได้มีในตัวเกม จนกระทั่งมีการอัปเดทซอฟแวร์ที่ชื่อว่าเดิวิส Davis เข้ามา เพิ่มความสนุกและสมจริงให้กบตัวเกมมากยิ่งขึ้น ตลอดจนมีการบันทึกคะแนนความเร็ว และประวัติการชนไว้ใน “ใบขับขี่” ของผู้เล่นแต่ละคนอีกด้วย เรียกได้ว่าเท่ห์สุด ๆ ไปเลยใช่ไหมคะ หากผู้เล่นมีประวัติการขับรถที่ยอดเยี่ยม (ขับเร็วทะลุนรก ชนแหลกแบบพินาท) จะได้รับการเลื่อนยศ และสามารถปลดล็อครถแบบใหม่ได้
เบิร์นเอ้าท์เวอร์ชั่นเก่า ๆ มีระบบที่เรียกว่า “โหมดชนแหลก” (Crash Mode) ซึ่งเป็นโหมดที่จะผู้เล่นมีโอกาสที่จะได้เจอช่วงเวลาที่จะได้เจอฉากการชนครั้งใหญ่ แต่ในเบิร์นเอ้า พาราไดซ์จะถูกเรียกว่าโหมด “โชว์มาแล้ว” (Showtime) แทน แล้วมันก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ที่เวลา ขณะที่คุณเล่นเกมอยู่
สิ่งที่ทำให้โหมดโชว์มาแล้ว (Showtime) แตกต่างจากโหมดเดิมคือ โหมดเดิมนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณที่รถชุกชนหรือบริเวณแยกไฟแดงเท่านั้น เมื่อรถชนกันผู้เล่นก็เห็นฉากรถชนกันเป็นอันจบ ในขณะที่โหมดนี้นั้นจะเป็นการสโลว์ช่วงเวลาที่รถชนกัน ยิ่งรถกระเด็นลอยนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้คะแนนมากเท่านั้น
ทีมผู้พัฒนาเกมรถ
แนวคิดของการสร้างและพัฒนาเกมรถ เบิร์นเอ้าท์ พาราไดซ์ นั้นเริ่มต้นมาจากประสบการณ์การเล่นเกมโลกเปิดชื่อ Crackdown, Test Drive Unlimited และ Mercenaries: Playground of Destruction ของเกมไดเรคเตอร์ อเล็กซ์ หวาด (Alex Ward) โดยที่หวาดกล่าวว่าความรู้สึกที่เป็นอิสระ สามารถทำอะไรก็ได้ในเกม ให้ความรู้สึกที่ดีมากกว่ารูปแบบเกมที่ทีมพัฒนาเขาวางแผนเอาไว้ เขาจึงเริ่มคิดว่าจะเอาแนวคิดเหล่านี้มาใส่ในเกมรถเบิร์นเอ้าท์ พาราไดซ์ คติประจำใจของหวาดคือ “หากเราได้เล่นเกมด้วยกันถึง 3 ชั่วโมง ทั้ง 3 ชั่วโมงนั้นเราจะต้องได้เล่นเกมในรูปแบบที่แตกต่างกัน”
หลังจากการประชุมและพูดคุยกันอย่างเข้มข้นภายในทีม ทำให้ได้แนวคิดสุดท้ายของเกมรถมาที่จะไม่มีการกำหนดเส้นทางวิ่งที่จำกัดนั่นเอง อีกหนึ่งสิ่งที่หวาดต้องการให้เกมรถนี้เป็นคือการเป็นมากกว่าเกม หวาดต้องการให้มันกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถให้เพื่อนมาพบปะสังสรรค์กันได้ จนนำมาสู่โหมดการเล่นแบบผู้เล่นหลายคนในตอนสุดท้าย
หวาดได้ให้สัมภาษณ์ในปี ค.ศ. 2018 ว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานครั้งนี้คือการโน้มน้าวให้อิเล็กทรอนิกส์ อาร์ท (Electronic Arts) คล้อยตามวิสัยทัศน์ของเขาให้ได้ ในตอนนั้นเบิร์นเอ้าท์ ซีรี่ส์ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สร้างกำไรได้เท่ากับ Need For Speed ของ EA ซักเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น EA เองก็เหมือนจะไม่เปิดใจให้กับแนวคิดเกมรถโลกเปิดที่หวาดได้นำเสนอไปสักเท่าไหร่นัก แต่นั่นก็ทำให้หวาดยิ่งอยากพิสูจน์ว่าแนวคิดของเขานั้นมันสามารถเป็นไปได้จริง และผลลัพธ์ที่ได้มาคือ เบิร์นเอ้าท์ ซีรี่ส์ สามารถทำยอดขายได้ถึง 1 ล้านตลับภายใน 3 เดือนแรกที่ปล่อยตัวนั่นเอง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จสุด ๆ ไปเลยหล่ะ
อ่านบทความเกี่ยวกับ PGSLOT ฟรี